วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

แรงบันดาลใจที่ครูใหญ่วิเชียรมาทำโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา ?



(ถามโดย  :  ครูและบุคคลทั่วไป) 

ครูใหญ่ตอบ :  ผมเป็นครูในราชการมาก่อน  เป็นครูผู้สอนห้าปี  ผู้บริหารอยู่ห้าปี  ตอนเป็นครูก็พยามทำเต็มที่ในชั้นเรียนตัวเอง  ตอนนั้นก็รู้สึกว่าถ้าเราเป็นครูใหญ่ก็คงทำอะไรได้มากขึ้น  ก็พยายามสอบครูใหญ่ ตอนอายุ  27  ปี ก็เลยสอบครูใหญ่ได้  ตอนเป็นครูใหญ่ก็อยู่ในหลายๆ โรงเรียนสลับไปสลับมาก็ทำอะไรได้มากพอสมควร  ตอนนั้นมีโครงการจะเปิดโรงเรียนนี้  เป้าหมายของโครงการคือทำโรงเรียนนี้ให้เป็นตัวอย่าง  ผมก็ไม่มีความคิดหรอกว่าจะต้องทำยังไง  แต่ผมรู้สึกว่าผมควรจะทำอะไรได้มากกว่านั้น  ซึ่งตอนที่ผมกำลังจะออกมาผมทำผลงานขอเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนคุณภาพรุ่นที่สองตอนนั้นอายุ  32  ปี  ถ้าพูดถึงความก้าวหน้าทางราชการก็ไม่ขี้เหร่  ระหว่างเป็นผู้บริหารหลังห้าปีที่ผมอยู่  ผมก็จะมีเพื่อนผู้บริหารที่เป็นรุ่นพี่  มีเพื่อนคนหนึ่งเกษียณอายุราชการ  บ้านเขาอยู่ใกล้เขื่อน  เวลาหน้าน้ำก็จะได้ปลาเขาก็จะชวนเราไปกินปลา  หลังจากที่เขาเกษียรไปลูกสองคนก็ไปเรียนที่กลุ่มเทพฯ  เขาก็อยู่กับภรรยานั่งรอลูก  คนอายุ  61  ปีนั่งรอลูกแล้วอยู่อย่างนั้นเจ็ดวัน  ผมรู้สึกว่าผมจะเกษียรเพื่อมาเป็นอย่างนี้เหรอ  ความหมายที่ผมคิดตลอดเวลาคือเรายังมีสิ่งที่สามารถทำได้มากกว่านี้  ผู้บริหารท่านนั้นยังมีสิ่งอื่นที่ทำได้มากกว่านี้  ก็เหมือนกันผู้บริหารท่านนั้นยังสามารถทำสิ่งอื่นที่สามารถทำได้มากกว่านี้ถ้าจะทำ  ดูเหมือนว่าผมจะเห็นอนาคตอยู่รำไรว่าผมคงเกษียรไปและอยู่อย่างงั้น  ภาพนั้นสะท้อนผมแรงมากจนผมเขียนเรื่องสั้นออกมาเรื่องหนึ่งชื่อ  ลูกชาย  ก็ได้รับการตอบรับอย่างดี  นั้นคืออารมณ์ของคนเกษียรต้องรอใครสักคน  ซึ่งตามจริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องรอเขาสามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น  เมื่อผมรู้สึกว่าผมรับไม่ได้เมื่อต้องเกษียรไปแล้วนั่งอยู่เฉยๆ แล้วผมถือว่าผมสามารถทำอะไรได้มากกว่าเสมอ  ผมก็ตัดสินใจสมัครมาที่นี้  ผมสมัครเป็นคนที่สาม  พอเขารับคัดเลือกผมก็ไม่ลังเลลาออกตอนนั้น   ซึ่งโรงเรียนรัฐที่อยู่ก็ดีมากทำอยู่ที่นั้นสามปี  เด็กๆ ครู ผู้ปกครองทุกคนร้องให้  ก็มีแค่นี้คือ  จริงๆ แล้วเราทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด
ทุกคนในที่นี้รู้หมดว่าปัญหาการศึกษาไทยเราเป็นยังไง  รู้ถึงไส้ถึงพุง  รู้ว่ามีปัญหา  รู้ว่ามันไม่ดี  รู้ว่ามันยังต่ำกว่าประเทศอื่นๆ แต่เราทำอะไร  เรารอให้ใครมาทำให้เรา  นี้คือสิ่งที่เราต้องคิด  ทุกคนก็เหลือเวลาในโลกนี้ไม่กี่ปี  ก็เท่านี้คือสิ่งที่คิดแรงบัลดาลใจ    

ในช่วงเวลาที่เหลือเราก็ทำอะไรสักอย่างให้มนุษยชาติ  ให้เด็กรุ่นต่อๆมา มันเป็นความตั้งใจจริงๆ ไม่ใช่พูดเสแสร้ง  ความตั้งใจผมก็แสดงออกมาอยู่แล้ว  แปดเก้าปีที่อยู่ที่นี้ผมไม่เคยละความพยายาม  แต่ละปีที่ท่านมาจะเห็นสิ่งที่เพิ่มพูนขึ้นเสมอ  ไม่มีคำว่าย่ำอยู่กับที่

อ่านเพิ่มเติมได้ที่หนังสือ  โรงเรียนนอกกะลา  ,ฅนบนต้นไม้  เขียนโดย  วิเชียร  ไชยบัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น