(ถามโดย : สพท.หนองบัวลำภู)
ไม่ได้ตาม
จากเมื่อเช้าผมให้ผู้ปกครองมานั่งคุยกันเขาก็จะสมัครมาเอง สิ่งที่ผู้ปกครองกังวลมากทำยังไงเด็กที่นี้ออกไปแล้วจะแข่งขันกับข้างนอกได้ แต่ผมก็ไม่ตอบ การให้คำตอบแบบผลีผลาม จะทำให้ไม่เข้าใจ แล้วคนนั้นหรือเด็กๆ ก็ตามถ้าได้คำตอบจากครูแบบผลีผลามเด็กๆ ก็จะไม่ผ่านกระบวนการคิดอย่างใคร่ครวญและเข้าใจด้วยตัวเอง อันตราย แล้วสุดท้ายเขาจะเป็นคนที่รอคำตอบ รอคำสั่ง รอว่าต้องการให้ทำยังไง เวลาเขาเผชิญกับปัญหาที่ใหม่สดเขาก็จะจัดการไม่ได้เพราะเขาไม่มีความสามารถในการคิด ผู้ปกครองเหมือนกันพอเจอปัญหานี้สิ่งที่ผมก็คือ ผมก็เล่าไปเรื่อย ผมเล่าว่าเมื่อวันเสาร์ที่แล้วครูประจำชั้นลูกชายผม มีหนังสือแจ้งมาว่าลูกชายผมอาจจะได้เรียนซ้ำในวิชาบาสเกตบอล ผมก็ไปนั่งฟังปัญหาว่าคืออะไร เขาให้ขาดเรียนไม่เกินสี่ครั้งแต่ขาดเกิน ก็แค่ฟังก็ไม่ได้บอก ลูกชายก็ไม่สบายใจว่าพ่อทำไม่ไม่ดุ พ่อไม่เอ่ยอะไรสักคำ นั่งกินข้าวกันก็ไม่ได้บอกไม่พูดไม่ได้ตำหนิ เฉยๆ ไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น ตื่นเช้ามาลูกชายก็โพสต์เข้ามาใน Facebook ของผมว่า เคยรู้สึกบ้างไหมว่าบางครั้งเราล้มเหลว ผมก็เฉยๆ ไม่ได้ตอบอะไร เพราะสิ่งที่ผมทำยู่ผมไม่ได้เสื่อมศรัทธาต่อตัวเขาอันแรก อย่างที่สองผมไม่ให้คำตอบอย่างผลีผลามเพราะผมต้องการให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตนเอง เพราะเขาต้องแก้ปัญหาด้วยตนเอง ยังไงผมก็ไม่เคยวิตกกังวลเลยเรื่องลูกชาย เพราะผมรู้ว่าเขารักการอ่านมากๆ มันน่าตกใจเพราะขณะที่ไปมีผู้ปกครองที่มีปัญหาด้วยกัน แล้วมีเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ ม.5 แล้วมีเด็กผู้หญิงบางคนติด มส. 8 วิชา แล้วคนที่มาแก้ก็เป็นพ่อ ผมรู้สึกว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เลยนั่งคุยกันถึงปัญหา มีเด็กผู้หญิงหลายคนอยู่ชั้น ม. 5 ใช้ชีวิตอยู่แบบครอบครัว มีข้อมูลเยอะมากเด็กผู้หญิงมัธยมยอมขายตัว กลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กผู้หญิงบางคนไม่กล้ายกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรเพราะว่าของตัวเองเป็นเครื่องราคาถูกเพราะไม่ใช่ไอโฟน ไม่ใช่ BB เด็กผู้หญิงบางคนไม่กล้าออกจากหอพักถ้าไม่ได้ใช้เครื่องสำอาง ทุกวันนี้มีหลากหลายและแพง ถ้าไม่ได้ทาสิ่งเหล่านั้นไม่กล้าเดินออกไปไหน ไม่มีกระเป๋าสะพายที่มียี่ห้อก็ไม่กล้าเดินออกไป เราจะกลับไปแก้เขาได้ไหม สังคมทุกวันนี้มันถูกวางสายพานไว้แล้ว เราจะตกลงไปสายพานไหนเรามีความคิดไม่แข็งแกร่ง ไม่มีความรู้สึกดีต่อตัวเอง ไม่มีภาพพจน์ที่ดีต่อตัวเอง ทำอะไรก็ไม่มั่นใจต้องมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพราะข้างในไม่แข็งแกร่งก็จะตกลงไปในสายพาน ฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้ในประถมกับอนุบาลผมมองว่าไม่ใช้ตัวความรู้ ความรู้เป็นอันดับรอง ตัวสำคัญคือ พื้นฐานความแข็งแกร่งของข้างใน ผมกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าเรากำลังทำสิ่งที่ให้เขารู้จักคิด เผชิญปัญหาแล้วรู้จักคิดแก้ปัญหาด้วยตัวเอง มีความรู้สึกดีต่อตัวเอง เห็นคุณค่าของการมีชีวิต เป็นเรื่องยากเป็นนามธรรมมากแต่เป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญกับโลกวันข้างหน้า อาจารย์รู้ไหมวันที่ 21 เดือนธันวาคม ค.ศ. 2012 จะเกิดอะไรขึ้นเป็นวันที่ระบบสุริยะจักรวาลโคจรรอบกาแล็กซี่ทางช้างเผือกได้ตรงจุดเดิมพอดี 250 ล้านปีมีครั้งหนึ่ง มีนักวิทยาศาสตร์ออกมาพูดกันเยอะ เขาบอกว่านอกจากจะโคจรครบรอบกาแล็กซี่แล้ว ในจังหวะนั้นเองจะเป็นจังหวะที่ดวงอาทิตย์จะหันด้านที่เป็นจุดอ่อนมาตรงกับโลก ตรงที่เป็นจุดอ่อนมันเป็นที่ระบายความร้อนก็จะพวยพุ่งเปลวออกมา ก็จะมีลมสุริยะที่มีความรุนแรงมาก สามารถทำลายคลื่นแม่เหล็กที่อยู่รอบโลกได้ คือถ้าแม่เหล็กหายชั้นบรรยากาศก็จะหายไปด้วย ทุกอย่างก็เป็นไปได้ แต่จริงๆ ไม่รู้ เราก็ต้องรอว่าวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้น แต่ทายได้เลยว่าเด็กๆ ที่อยู่กับเราที่อยู่โรงเรียนตอนนี้อีกสิบปีข้างหน้าจะเผชิญปัญหาที่ไม่เหมือนเราในตอนนี้ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง รู้ไหมว่าบางคนทุกวันนี้ไม่มีความรู้สึกต่อกับฤดูกาล ชีวิตไม่เกี่ยวกับฤดูกาลแล้วทุกวันนี้ บางคนไม่มีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน ทุกคนถูกสายพานของสังคมเกี่ยวไป ไปเรียนในเมืองเรียนจบใช้ชีวิตในเมืองทำงานออฟฟิต ไปทำงานแต่เช้ากลับเย็น
สำหรับเรื่องลูกชายผมจะไม่ให้คำตอบแบบผลีผลาม ผมจะให้เขาได้ใคร่ครวญกับปัญหา แต่สิ่งหนึ่งที่ผมให้ได้คือ ความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ใช่ว่าต้องสอบแพทย์ได้พ่อจึงจะรัก เป็นแบบนั้นแบบนี้ เป็นแบบเขานั้นแหล่ะ แต่เราประคับประคองให้เขาไม่ทำร้ายคนอื่น
สตีฟ จ๊อบ คนที่คิดไอโฟน คิดโปรแกรมแม็กอินทอช ในโรงพิพม์จะใช้ ทำไมเราไม่ใช้แต่ในโรงพิมพ์ใช้ เพราะเขาจบวิชาเดียวตอนเรียนมหาลัย เรียนไม่จบถูกไล่ออก จบวิชาเดียวคือการออกแบบตัวอักษร และในเครื่องแม็กอินทอชเก่งเรื่องเดียวคือการออกแบบตัวอักษร แต่เขาทำเรื่องนั้นเรื่องเดียวจดจ่ออย่างยาวนาน ใครก็ตามในโลกนี้ถ้าอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะต้องทำและคลุกคลีอยู่กับเรื่องนั้น จดจ่ออยู่กับเรื่องนั้นถึง 10,000 ชั่วโมง
ชีวิตเราแสนสั้นนัก อดีตผ่านไปแล้ว อนาคตมายังไม่ถึง จงทำปัจจุบันให้ดีที่สุดครับ..
ตอบลบ