ตอบ : ถ้าขณะที่ครูกำลังสอน แล้วมีเด็กบางคนกำลังเล่นกันไม่สนใจครู ที่ลำปลายมาศพัฒนาครูจะไม่ไปดุเด็กที่เล่น แต่ครูจะให้ความสนใจหรือให้กำลังใจเด็กที่น่ารักด้วยการเสริมแรงด้านบวก เช่น ขอบคุณคนที่นั่งข้างหน้าน่ารักมากเลยค่ะ ขอบคุณพี่เจมส์ที่มองมาที่คุณครู ขอบคุณพี่ปาล์มที่ตั้งใจฟัง พอเราสังเกตเห็นว่าเด็กที่เล่นกลับมาสนใจที่ครูเราก็ชมเข้าทันที เช่น ขอบคุณพี่ลาร์คมากค่ะแม้จะนั่งอยู่ไกลแต่ก็ตั้งใจฟังคุณครู จากนั้นครูก็สอนตามปกติ หรือถ้าชมให้กำลังคนที่น่ารักแล้วเด็กที่เล่นก็ยังไม่สนใจ ครูก็จะใช้วิธีให้เด็กที่เล่นมานั่งใกล้ๆ ครู ที่นี้จะไม่มีการทำโทษด้วยการให้เด็กออกไปอยู่นอกห้องเรียน หรือไปอยู่ตามมุม ประจานให้เด็กรู้สึกอาย หรือใช้คำพูดด้านลบ แต่เราจะเน้นการเสริมแรงด้านบวก ซึ่งเราจะใช้จิตวิทยาสำหรับมนุษย์
เมื่อเรามองเด็กคือมนุษย์ที่มีคุณค่าคนหนึ่งสิ่งที่เราควรทำคือ
ลดสิ่งเหล่านี้
- ลดการเปรียบเทียบ ไม่มีใครชอบการถูกเปรียบเทียบให้ตัวเองมีค่าด้อยค่ากว่าคนอื่น การเปรียบเทียบจะทำให้บางคนเท่านั้นชนะ
- คำพูดด้านลบ คำด่า คำปรามาส คำสบประมาส หรือแม้กระทั้งการตั้งฉายา ล้วนแต่เป็นคำพูดด้านลบ และเราเชื่อแน่ๆ ว่าไม่มีใครชอบ เมื่อเด็กถูกด่า "โง่เหมือนควายเลย" คำๆ นี้จะฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกเด็ก และแสดงผลให้เขาขลาดกลัวที่จะคิดหรือทำสิ่งต่างๆ ที่สำคัญสำคัญควายตัวนั้นติดตัวเขาไปตลอด และจะโตไปพร้อมๆ กับเขาด้วย
- หลอกให้กลัว "อย่าไปนะเีดี๋ยวตำรวจจับ อย่าไปนะเดี๋ยวผีหลอก เดี๋ยวสอบตก เดี๋ยวหักคะแนน" การหลอกให้กลัวในวันนัื้นอาจหยุดพฤติกรรมดื้อรั้นของเด็กในทันที แต่กลับทำให้เด็กรู้สึกกลัวอย่างไร้เหตุผลในเวลาต่อมา
- ใช้ความรุนแรง ไม่มีใครชอบให้คนอื่นมากระทำความรุ่นแรงกับตัวเอง ปัญหาความขัดแย้ง และความรุนแรงในโรงเรียนเกิดขึ้นแน่นอน แต่อาจมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไป บางครั้งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็ช่วยให้เด็กๆ รู้ว่าจะวางระยะกับคนอื่นอย่างไร เรียนรู้ที่จะปรับบทบาทของตัวเองในการเข้าสังคม มีจิตใจที่ละเอียดอ่อนขึ้น
- ยัดเยียดความรู้ เด็กควรจะได้เรียนสิ่งที่มีความหมายกับตนเอง มีความสำคัญและใีความจำเป็น ไม่ใช่ได้เรียนในสิ่งที่คนอื่นยัดเยียดให้ ครูมีหน้าที่ทำให้ผู้เรียนพร้อมที่จะเรียนรู้
เมื่อลดสิ่งต่างๆ แล้วควรสร้างสิ่งต่อไปนี้
- สร้างบรรยากาศคลื่นสมองต่ำ
- สร้างภาพพจน์ด้านบวก ให้เด็กทุกคนได้รู้สึกว่าตัวเองได้รับความรัก มีคุณค่าต่อคนอื่นหรือสิ่งอื่นๆ มีความสามารถที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จได้ด้วยตนเอง ชื่นชอบและภูมิใจในตนเอง เพราะเมื่อรุ้สึกดีต่อตัวเอง ก็จะรู้สึกดีต่อผู้อื่น และรู้สึกดีต่อสรรพสิ่ง เข้าจะกลายเป็นคนมีเสน่ห์ น่ารัก และมความสุข
- จูงใจไม่ใช่บังคับ เด็กไม่อยากเรียนไม่ใช่ความผิดของเด็ก แต่เป็นหน้าที่ของครูที่จะต้องทำให้เขาอยากเรียน โดยการกระตุ้น การสร้างแรงจูงใจและการสร้างความท้าทายที่เหมาะสม
- ให้ความรัก เด็กๆ นั้นไม่เข้าใจคำว่ารัก แต่เขาสัมผัสความรู้สึกการได้รับความรักไ้ด้ โดยการตั้งใจฟัง ยิ้มให้ พูดจานุ่มนวล หรือสัมผัสโอบกอด
- Empower โดยการยิ้ม ชม และการแสดงความรัก เช่น การกอด การแแตะสัมผัส ฯลฯ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ หนังสือโรงเรียนนอกกะลา เขียนโดย วิเชียร ไชยบัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น